1. การมอดูเลชันแบบอนาล็อก (Analog Modulation) คือการมอดูเลชันโดยที่ข้อมูลเป็นแบบต่อเนื่อง (Continuous) ไม่มีการแบ่งเป็นระดับไว้ แบ่งย่อยออกได้เป็น 3 ประเภทคือ
1. การมอดูเลชันแอมปลิจูด (Amplitude Modulation)คือการเปลี่ยนแอมปลิจูดของสัญญาณให้มีขนาดต่างๆ กันเพื่อใช้แทนข้อมูล
2. การมอดูเลชันความถี่ (Frequency Modulation) คือการใช้สัญญาณที่มีความถี่ต่างกันเพื่อใช้แทนข้อมูล
3. การมอดูเลชันเฟส (Phase Modulation) คือการใช้สัญญาณเดียวกันแต่ถูกส่งออกไปในจังหวะที่ต่างกัน คือส่งก่อนหรือส่งหลัง เพื่อใช้แทนข้อมูล
2. การมอดูเลชันแบบดิจิตอล (Digital Modulation) คือการมอดูเลชันโดยที่ข้อมูลถูกแบ่งเอาไว้เป็นระดับต่างๆ อย่างชัดเจน โดยระดับที่แบ่งไว้จะต้องมีจำนวนที่แน่นอน (Discrete) แบ่งย่อยออกได้เป็น 4 ประเภทคือ
1. ออน-ออฟคีย์อิ้ง (On-Off Keying: OOK)คือการใช้ช่วงเวลาการเปิดปิดการส่งสัญญาณที่แตกต่างกันในการแทนข้อมูล โดยใช้หลักการเดียวกับการส่งรหัสมอส (Mourse Code)
2. เฟสชิฟท์คีย์อิ้ง (Phase Shift Keying)คือการใช้รูปแบบของสัญญาณที่มีแอมพลิจูด และความถี่เดียวกัน แต่ส่งออกมาจังหวะต่างๆ กัน ในการแทนข้อมูลแบบใดแบบหนึ่ง
3. ฟรีเควนซี่ชิฟท์คีย์อิ้ง (Frequency Shift Keying)คือการใช้สัญญาณที่มีความถี่ต่างกัน ในการแทนข้อมูลแบบต่างๆ
4. แอมพลิจูดชิฟท์คีย์อิ้ง (Amplitude Shift Keying)คือการใช้สัญญาณแบบเดียวกัน แต่มีแอมพลิจูดต่างกันออกไป
ระบบการสื่อสารข้อมูล อาจจำแนกได้ตามสื่อส่งผ่านเป็น 2 ประเภท คือ
1. ประเภทมีสาย ได้แก่ สายคู่ไขว้ (Wire pair หรือ Twisted pair หรือสาขาโทรศัพท์), สายตัวนำร่วมแกน (Coaxial Cables), เส้นใยนำแสง หรือไฟเบอร์ออฟติกส์ (Fiber optics)
1. ประเภทมีสาย ได้แก่ สายคู่ไขว้ (Wire pair หรือ Twisted pair หรือสาขาโทรศัพท์), สายตัวนำร่วมแกน (Coaxial Cables), เส้นใยนำแสง หรือไฟเบอร์ออฟติกส์ (Fiber optics)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น